เหมือนกับเด็กของเรามันได้ลูกโป่งมันก็วางอย่างอื่นซะ การเล่นอย่างอื่นมันก็วางไป สงบหมดอารมณ์อย่างอื่น มันก็เล่นลูกโป่งของมันสบาย นี่มันอยู่แล้วนี่จิตสงบแล้ว สงบแค่นี้นะ สงบแค่ว่าเด็กที่มันมีลูกโป่งจิตใจมันก็พัวพันอยู่ในลูกโป่งอันนั้น จิตมันก็สงบ ความสงบเช่นนี้ไม่พอนะ เด็กมันเห็นลูกโป่งนั้นลอยอยู่บนอากาศเท่านั้น มันสบายใจมัน มันไม่ได้นึกว่าต่อไป ลูกโป่งมันจะแตกหรือไม่ มันไม่ได้คิด มันก็เห็นลูกโป่งลอยอยู่กลางอากาศมันก็สบาย เท่านี้ นี่เรียกว่าสมถะ มีความสงบแล้วนะ
ที่นี้วิปัสสนานั้น คือทำปัญญาให้มันยิ่งไปกว่านั้น รู้จักลูกโป่งว่ามันจะเป็นยังไง มันจะได้เห็นลูกโป่ง ต่อไปมันจะแตกไหมหนอ อะไรต่ออะไรเหล่านี้จนให้มันเห็นในใจของมันว่าต่อไปมันเป็นของไม่เที่ยง ลูกโป่งมันของแตกแน่นอนเลย ผลที่สุดมันจะต้องแตก ปัญญามันพุ่งไปโน้น ไอ้สมถะนี้ไม่มีปัญญาเห็นลูกโป่งมันลอยอยู่บนอากาศ มันก็เล่นอยู่นั่นแหละ เมื่อลูกโป่งแตกโพละมันก็ร้องไห้ ทำไมมันไม่ได้คิดมีปัญญาเลยว่าลูกโป่งมันจะแตกหรือยังไง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันไม่ได้ดู มันเห็นแต่เพียงว่าลูกโป่งน่ะมันได้ใจของมันแล้ว มันก็ลอยอยู่ มันสบายใจของมัน นี่เรียกว่าสมถะ ความสงบของสมถะ สมาธินี่ก็สงบแต่ว่ากิเลสมันมีอยู่ แต่ว่าเวลานั้นมันไม่มีกิเลส ในเวลานั้นในเดี๋ยวนั้น ในจิตนั้นมันปราศจากกิเลส จิตมันจึงไม่วุ่นวาย มันเป็นสงบอยู่เหมือนกันกับลูกโป่งในเวลานั้น มันยังมีลมอยู่มันก็ยังลอยอยู่บนอากาศนั่นเอง เพื่อให้เด็กดีใจอยู่ ของปลอมๆเท่านั้น อันนี้เรียกว่าสมถะก็เหมือนกันฉันนั้น
ที่มา: "ความผิดในความถูก" หลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี